วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บทความสุขภาพ : ดื่มน้ำน้อย ระวังกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

บทความสุขภาพ : ดื่มน้ำน้อย ระวังกระเพาะปัสสาวะอักเสบ



         สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน พวกเราเคยมีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่ครับ ปวดปัสสาวะบ่อยจังเลย แต่ทำไมปัสสาวะออกครั้งละน้อยๆ ปวด เบ่ง แสบ โดยเฉพาะตอนสุดปัสสาวะ หรือถึงขั้นปัสสาวะเป็นเลือด โดยมองเห็นปัสสาวะเป็นสีชมพู หรือเป็นเลือด อาการเหล่านี้เกิดจากอะไรกันบ้าง

         ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ไม่กลั้นปัสสาวะนาน พยายามเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ รักษาควบคุมโรคต่างๆ ที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เลี่ยงกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

         กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งประมาณร้อยละ 75-95 เกิดจากเชื้ออีโคไล โรคนี้ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากมีท่อปัสสาวะสั้นกว่า ทำให้เชื้อโรคบริเวณปากท่อปัสสาวะ เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า ส่วนอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีทั้งอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งสามารถรักษาหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือเป็นการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการอักเสบเป็นๆ หายๆ แต่อาการรุนแรงน้อยกว่าการอักเสบแบบเฉียบพลัน

         จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่ากลุ่มเสี่ยงหรือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ คือผู้ที่กลั้นปัสสาวะนานๆ เชื้อโรคในปัสสาวะจึงเจริญเติบโตได้ดี รวมทั้งผู้ที่ดื่มน้ำน้อยจึงไม่ค่อยได้ปัสสาวะ ปัสสาวะจึงแช่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะจนเกิดอักเสบได้เช่นเดียวกัน

         อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือปวดปัสสาวะบ่อยๆ แต่ปัสสาวะออกครั้งละน้อยๆ ปวด เบ่ง แสบ โดยเฉพาะตอนสุดปัสสาวะ หรือถึงขั้นปัสสาวะเป็นเลือด โดยมองเห็นปัสสาวะเป็นสีชมพู หรือเป็นเลือด อีกลักษณะคือปัสสาวะขุ่น หรืออาจเป็นหนองขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคทั้งยังพบอาการปวดท้องน้อย มีไข้ ร่วมด้วยในกรณีอักเสบแบบเฉียบพลัน

         ที่น่าเป็นห่วงคือผลข้างเคียงจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจมีการลุกลามเป็นการอักเสบของไต หรือเมื่อมีการอักเสบติดเชื้อรุนแรง อาจเป็นการอักเสบติดเชื้อในกระแสโลหิตได้ ดังนั้นแพทย์จะวินิจฉัยตามอาการของโรค เช่น  ให้ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ การแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ วันละอย่างน้อย 8-10 แก้ว การให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจรักษาที่สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง เช่น รักษาโรคติดเชื้อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

         อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ดี คือ การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ด้วยการดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ไม่กลั้นปัสสาวะนาน พยายามเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ รักษาควบคุมโรคต่างๆ ที่เป็นปัจจัยเสี่ยง รักษาความสะอาดในการขับถ่าย ไม่ควรใช้สเปรย์ หรือยาดับกลิ่นตัวบริเวณอวัยวะเพศ เพราะก่อการระคายเคือง ในผู้หญิงไม่ควรใช้วิธีคุมกำเนิดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ที่สำคัญควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐานอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ  แต่หากมีอาการผิดปกติ ไม่ควรปล่อยไว้ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป


ขอบคุณที่รับชมเพจครับ
คำแนะนำหลังการอ่านจบบล็อค : เมื่อคุณอ่านจบบทความแล้ว ลองมองไปที่บริเวณที่มีสีเขียว จะช่วยลดการเมื่อยล้าดวงตาของคุณได้นะครับ (ถ้าอ่านแล้วถูกใจช่วยแชร์กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ)
Facebook : Like Page
บทความดีดีเหล่านี้จาก : สสส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น