วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

บทความสุขภาพ(เทคนิค) : เทคนิคการบรรเทาอาการเมาค้าง

บทความสุขภาพ : เทคนิคการบรรเทาอาการเมาค้าง



       สวัสดีปีใหม่ไทยของเราครับและก็ผู้อ่านทุกท่านครับขอให้มีแต่ความสุขความเจริญครับ วันนี้ผมได้ไปหาเทคนิคอาการเมาค้างละก็วิธีแก้มาครับ ช่วงนี้เทศกาลประเพณีสงกรานต์อยากให้ผู้อ่านทุกท่านขับขี่ด้วยความระมัดระวังครับ เมาอย่าขับครับ เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ วันนี้เป็นบทความ "เทคนิคบรรเทาอาการเมาค้าง" แหนะ!! หลายท่านคงอยากรู้แล้วใช่ไหมครับเราลองมาดูกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง (วันนี้อาจยาวเป็นกิโลหน่อยครับ)

       ก่อนที่จะแก้ไขอาการเมาค้าง เรามาติดตามกระบวนการแผลงฤทธิ์เดชของแอลกอฮอล์ในร่างกายไว้เป็นความรู้กันก่อน ซึ่งแบ่งเป็นปฏิกิริยาได้ดังนี้

ปฏิกิริยาแรก
       จะเกิดขึ้นทันทีที่ดื่มเหล้าแล้วแอลกอฮอล์เข้าสู่ตับเอนไซม์ในตัวคนเราจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นสารตัวใหม่ ชื่ออะเซ็ตทัลดีไฮด์ แล้วเปลี่ยนต่อเป็น อะซิเทต แล้วเคลื่อนตัวไปยังสมองของต่อมควบคุมระดับเกลือและน้ำตาลในร่างกาย รวมไปถึงอวัยวะต่างๆ อีกมากมายหลายส่วน ผลจากการเคลื่อนตัวไปยังส่วนต่างๆ นี่เองทำให้ร่างกายสำแดงอาการเริ่มตั้งแต่อาการสมองโปร่งโล่งสบายในระยะแรก แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกกับถูกบีบหนักๆ ร่างกายเริ่มผิดเพี้ยน เคลื่อนไหวโซซัดโซเซ ลิ้นก็ชักจะแข็งๆ พูดจาอ้อแอ้ หูอื้อ ตาลายและแดงกล่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ บางคนถึงขนาดความจำเสื่อมไปชั่วขณะ ถ้าดื่มต่อไปอย่างยั้งไม่หยุดก็จะตามมาติดๆ ด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียน และเกิดปฏิกิริยาผิดเพี้ยนอื่นๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน

ปฏิกิริยาที่สอง
       เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากปฏิกิริยาแรก ส่งผลให้สมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ปกติเซลล์สมองจะมีกลไกป้องกันตัวเอง โดยการเปลี่ยนแปลงผนังเซลล์ให้หนามากพอ ที่จะไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำลาย ดังนั้นเมื่อแอลกอฮอล์เดินทางมาสู่สมองเซลล์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนเกิดผลของการแฮ้งก์โอเวอร์หรืออาการเมาค้างตามมาในที่สุด

ปฏิกิริยาสุดท้าย
       เป็นกระบวนการแห้งเหือดของน้ำหรือของเหลวภายในร่างกายเพราะแอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวในร่างกาย โดยดูดซึมและขับถ่ายในรูปปัสสาวะและยังขับสารอาหารสำคัญๆ ออกมาอีกด้วย ในร่างกายเหล่านี้หลงเหลืออยู่ในปริมาณต่ำสุด เช่น แมกนีเซียม โปตัสเซียม รวมไปถึงวิตามินต่างๆ อีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินซี เป็นต้น
       ด้วยปฏิกิริยาดังกล่าว จึงมักพบอาการที่มักได้ยินผู้ดื่มพูดๆ กัน ว่าในหัวจะเหมือนมีใครอาค้อนมากระหน่ำ ปวดหนึบๆ บางคนปวดจี๊ดๆ ต่อเนื่องหรือบางคนปวดตลอดเป็นระยะยาวๆ แล้วยิ่งถ้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย แม้แต่เพียงน้อยนิด ก็จะยิ่งปวดหัวหนักเข้าไปอีก ท้องไส้จะเบาโหวง คลื่นเหียนเหมือนเพิ่งลงจากรถไฟเหาะตีลังกามาสักสิบรอบ นอกจากนี้เจ้าตัวยังพบกับความยากลำบากในการลืมตา โดยเฉพาะถ้ามีลำแสงสาดส่องเข้ามากระทบดวงตาอันฉ่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วละก็จะยิ่งทวีความปวดร้าวในหัวเหมือนหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อย่างไงอย่างงั้น แถมอาการเมาค้างยังทำให้ระบบประสาทสัมผัสปั่นป่วนตามไปด้วย กล่าวคือเสียงที่เคยกระทบโสตประสาทว่าไพเราะนักหนากลับกลายเป็นเสียงที่น่ารำคาญไปเสียนี่ จะกินจะลิ้มชิมของอร่อยสักเพียงใดก็เหมือนลิ้นคนกลายเป็นจระเข้ คือ ไม่รู้รสอะไรเลย แล้วริมฝีปากก็จะแห้ง เหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายในบ้าน อาการเพี้ยนๆ ที่เกิดขึ้นอีกก็คือ สภาพความปั่นป่วนในหัวอก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำตามมาด้วยการเสียสมรรถภาพในการเคลื่อนไหวจะลุกจะนั่ง จะเดิน ก็แข็งทื่อ ไม่รวดเร็วคล่องแคล่วเหมือนใจนึก แถมท้ายด้วยการอาเจียนขนานใหญ่ ตามมาติดๆ ด้วยอาการผะอืดผะอม คืออาเจียนก็ไม่อาเจียน แล้วก็เป็นอยู่อย่างนี้นานทั้งวัน จะว่าไปแล้วอาการเมาค้างที่เกิดขึ้นนี้ช่างเป็นอาการที่ยืดความทรมานออกไปไม่จบสินสักที

วิธีบำบัดฟื้นฟูสภาพ และเทคนิควิธีการดูแลบรรเทาอาการเมาค้างเบื้องต้น
     • เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเย็นและประคบด้วยผ้าเย็นบริเวณใบหน้าและศีรษะ
     • ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ทั้งวัน เพื่อให้ความเป็นพิษหมดไปโดยเร็ว
     • ดื่มน้ำหวาน เช่น น้ำส้ม (น้ำอัดลม) เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำหวานต่างๆ เพื่อชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไป และช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น
     • ดื่มน้ำผลไม้คั้นที่มีรสเปรี้ยวจัด แก้ไขการอาเจียน เช่น น้ำส้ม หรือน้ำมะนาว
     • ดื่มน้ำผลไม้สดๆ หรือผลไม้สดแช่เย็นฉ่ำ ช่วยล้างพาและแก้อาการ เพื่อชดเชยวิตามินซี เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด ชดเชยพลังงานที่ร่างกายต้องการ อันจะทำให้ร่างกายสดชื่น (ควรใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้แยกกากยกเว้นบางชนิดที่ควรใช้เครื่องปั่น)
น้ำแตงโมแช่เย็นเจี๊ยบ
นอกจากนี้อาจผสมสตรอเบอรี่ด้วยก็ได้ ซึ่งเป็นผลไม้หนึ่งเข้ากันได้ดีกับแตงโม เพราะให้รสชาติหลากหลาย อาจสลับใช้ฮันนี่ดิวผสมแบล็คเบอรี่ บ้างก็ได้ ใช้แตงโมขนาด 1 นิ้ว 1 ชิ้น สตรอเบอรี่เด็ดก้านออกแล้ว 6 ผล ถ้าให้ชื่นใจยิ่งขึ้น ควรแช่เย็นผลไม้ก่อนนำมาคั้น

น้ำแครอทผสมแอปเปิ้ล
ดูจะเป็นน้ำผักผลไม้หลักๆ ที่ดีที่สุด และเหมาะจะเป็นเครื่องดื่มแก้วแรก สำหรับผู้ที่เริ่มทดลอง เริ่มด้วยการผสมน้ำคั้นทั้งสองอย่างนี้ในปริมาณเท่าๆ กัน และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนสัดส่วนตามที่คุณชอบ ใช้แครอท 4 หัว แอปเปิ้ล 1 ลุก

น้ำจับฉ่าย
น้ำผักผลไม้ชนิดนี้จะมีรสดียิ่งขึ้นถ้าเหยาะซอสพริก 2-3 หยด หรือเพิ่มกระเทียมสักกลีบ หรือพริกสดก็จะได้รสชาติแปลกออกไป
ใช้มะเขือเทศสุก 2 ลูก แครอท 2 ลูก บีทรูท ½ หัว เชเลอรี่ 1 ต้น แตงกวา 1 ลูก

น้ำวุ้นจากใบว่านหางจระเข้
น้ำสมุนไพรนี้ช่วยให้ตับสามารถทำงานได้เป็นปกติเร็วขึ้น ช่วยสลายพิษได้

     • สูดกลิ่นหอม โดยใช้นำมันหอมระเหย ด้วยวิธีดังนี้
       สูดกลิ่นจากเตาระเหย (มิลลิลิตร) เฟนเนล 2 หยด, ลาเวนเดอร์ 1 หยด, น้ำมันจันทน์ 2 หยด, เลมอน 4 หยด
       นวดตัว (ผสมน้ำมันนวด 50 หรือแช่ในอ่างอาบน้ำ) เฟนเนล 5 หยด, ลาเวนเดอร์ 3 หยด, น้ำมันจันทน์ 5 หยด, เลมอน 10 หยด
       ประคบน้ำร้อน หรือประคบน้ำเย็น เฟนเนล 1 หยด, จูนิเปอร์ 2 หยด, โรสแมรี่ 1 หยด

     • ดื่มนมอุ่นๆ ทีเดียวให้หมดแก้ว แต่ไม่ควรดื่มมากอาจจะอาเจียนหนักขึ้นได้
     • ค่อยจิบเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น น้ำชา ชามะนาว ส่วนกาแฟอย่าดื่ม ขณะเมาค้าง เนื่องมาจากกาแฟมีคาเฟอีน เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น
     • อย่าปล่อยให้ท้องว่าง พยายามรับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยว ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมัน หรือมีรสจัดมากเกินไป เพราะจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการอาเจียนมากขึ้น
     • ไม่ควรนอนจมอยู่บนเตียงทั้งวัน ควรจะลุกขึ้นมา สูดอากาศบริสุทธิ์ เพราะออกซิเจนจะช่วยให้เกิดกระบวนการเมตะบอลิซึมมากขึ้น ทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงจนรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า มากขึ้น
     • ถ้าไม่ดีขึ้น แน่นอนต้องพึ่งพายาหอมผสมน้ำอุ่น ยาดม หรือยาธาตุ และยาสมุนไพรขมิ้นชัน ซึ่งจะทำให้ระบบย่อยอาหารมีสภาพเป้นกลาง หรือเป็นปกติมีความสมดุลขึ้น
     • ควรนอนหลับ นอนพักผ่อนให้ได้อีกสักระยะหนึ่ง ก่อนไปทำงานประเภทขับรถหรือทำงานเครื่องจักรกล
     • หากปวดศีรษะมาก รับประทานยาบรรเทาอาการ คือ แอสไพริน ควรกินยานี้ตอนเช้า ห้ากินก่อนเข้านอน หรือเวลาที่แอลกอฮอล์ยังสะสมอยู่ในร่างกายมาก หรือ หากคลื่นไส้อาเจียนก็ต้องใช้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนและข้อควรระวังคือ ไม่ควรรับประทานพาราเซมอล เพราะทั้งแอลกอฮอล์และพาราเซตามอลมีอันตรายต่อตับ

ข้อควรระวัง หรือลักษณะอาการที่ควรพบแพทย์
       หากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียนมาก ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ความดันโลหิตลดลง ห้องร่วงรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และอ่อนเพลีย เมาค้างเป็นนานกว่า 1 วัน ให้รีบไปพบแพทย์

คำแนะนำทั่วไป
     • หลีกเลี่ยงการผสมเครื่องดื่มต่างชนิดเข้าด้วยกัน
     • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ในขณะท้องว่าง อาหารในกระเพาะจะช่วยป้องกันไม่ให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตเร็วเกินไป การกินอาหารยิ่งมากระหว่างดื่มแอลกอฮอล์จะยิ่งลดผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อระบบร่างกาย
     • ควรดื่มน้ำมากๆ ก่อนนอน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
     • ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อบรรเทาอาการเมาค้าง เพราะกาแฟมีฤทธิ์ขับปัสสาวะจะยิ่งทำให้การเสียดุลของของเหลวในร่างกายแย่ลง
     • อย่าขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล เมื่อมีอาการเมาค้าง
     • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการและหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน
     • เดี๋ยวนี้ก็มีเครื่องดื่มบรรเทาอาการเมาค้างที่ดื่มหลังจากไปดื่มแอลกอฮอล์มาก ซึ่งก็พอจะช่วยได้มักขายตามร้านสะดวกซื้อ

สูตรลับดับอาการเมาค้าง
       มีการบอกเล่าสืบต่อกันมาช้านานแล้ว ซึ่งเป็นสูตรที่ชาวต่างประเทศเชื่อกันว่าน่าจะได้ผลดี จะขอยกตัวอย่างสูตรเหล่านั้นพอเป็นสังเขป ดังนี้

     • สูตรดื่มน้ำส้มเย็นเชี้ยบที่แช่ค้างคืน โดยผสมกับไข่ดิบเข้าด้วยกัน
     • สูตรจิบน้ำมันดอกคำฝอยผสมน้ำมันงา
     • สูตรจิบน้ำมันขิง ผสมโซดา น้ำ น้ำมะนาวหรือน้ำส้ม
     • สูตรกินแอสไพริน 2 เม็ด ในตอนเช้าและดื่มน้ำตามมากๆ 
     • สูตรกินปลาทูน่าที่ผสมน้ำมะนาว มะเขือเทศ กระเทียม พริก แตงกวา
     • สูตรกินซุปไก่ผสมหอมใหญ่ แครอต แป้งข้าวโพด เกลือ กระเทียม
     • สูตรกินน้ำกะหล่ำปลีดอง ผสมน้ำมันมะกอกเข้าด้วยกัน
     • สูตรฝานมะนาวเป็นแว่นแล้วนำมาถูรักแร้
     • สูตรทิ่มเข็มบนจุกก๊อกตามจำนวนดริ๊งที่ดื่ม(ยิ่งแปลกกว่าดื่ม) แต่ควรระวังอาจจะหยิบเข็มผิดๆ ถูกๆ หรือหยิบเข็มได้ก็อาจจะจิ้มพลาดไปถูกเพื่อนข้างๆ เข้า
     • สูตรอบไอน้ำ แต่จะต้องไปตรวจสุขภาพก่อนว่าเป็นความดันโลหิตสูงหรือไม่ หรือมีโรคภัยไข้เจ็บอะไร มิฉะนั้นแทนที่จะหายเมาค้าง ท่านอาจะจะพับดับชีพได้เหมือนกัน
     • สูตรใช้เปลือกของต้นควินินซึ่งขมปี๋จะช่วยรักษาการเมาค้างได้ นอกจากควินินแล้วพืชที่มีรสขมอื่นๆ ก็มักจะมีคุณสมบัตินี้เช่นกัน เช่น dandelion, gentian, mugwort และ angostura สำหรับ angostura นั้น มีทำเป็นน้ำยาขมเอาไว้ผสมเหล้า เรียกว่า Angostura Bitters เมื่อเกิดเมาค้าง จงเอา Angostura Bitters 2-3 หยดใส่ในน้ำร้อน เติม roselle และมะขามเพื่อปรุงรส ดื่มน้ำชานี้เยอะๆ จะช่วยแก้การเมาค้างได้
     • สูตรทานแปะก๊วย นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นผู้พบว่าเมล็ดแปะก๊วยมีเอนไซม์ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายขจัด แอลกอฮอล์ได้เร็วขึ้น การกินเมล็ดแปะก๊วยจึงช่วยรักษาอาการเมาค้างได้ ในญี่ปุ่นมักจะเสิร์ฟเมล็ดแปะก๊วยในเวลามีปาร์ตี้โดยเชื่อกันว่าจะป้องกันการเมาและเมาค้าง

     ทั้งหมดก็เป็นทั้งเทคนิคและความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเมาค้างว่า ทำไมตื่นมาชอบเมาค้าง บทความอาจจะเยอะไปหน่อยนะครับ แต่ก็ค่อยๆ อ่านครับ



ขอบคุณที่เข้ามาชมเพจครับ
คำแนะนำหลังการอ่านจบบล็อค : เมื่อท่านอ่านจบบทความให้ท่านมองไปที่บริเวณที่มีสีเขียว จะลดความเมื่อยล้าดวงตาของท่านได้ (ถ้าอ่านแล้วถูกใจช่วยแชร์กันด้วยนะคร๊าบบ)
Facebook : Like Page
บทความดีดีเหล่านี้จาก : กรมสุขภาพจิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น